รีวิวภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่คุณไม่ควรพลาด ปี 2019

It: Chapter Two

เรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ภาคแรก กลุ่มเพื่อนแก๊งลูซเซอร์กรีดเลือดสาบานไว้ว่า 27 ปีต่อมาพวกเราจะกลับมาเพื่อกำจัดมัน แต่เมื่อเติบโตแยกย้ายกันไปทำงาน กลับลืมเรื่องราวทั้งหมด จนกระทั่ง 27 ปีต่อมา เพนนีไวซ์ ปีศาจตัวตลกได้กลับมาอีกครั้ง กลุ่มเพื่อนแก๊งลูซเซอร์จึงต้องคัมแบ๊ก เพื่อรวบรวมความทรงจำในอดีตของตัวเองมาจัดการ เพนนีไวซ์

หนังต่อเนื่องจากภาคที่แล้วทันที ตัวละครเยอะมาก ควรกลับไปดูภาคแรกอีกครั้ง หรือจำให้ได้ว่าใครเป็นใครก่อนมาดู

ภาคนี้จะคนละ mood and tone จากภาคแรก (ภาคแรกจะมีความเป็นสตีเว่น สปีลเบิร์ก , stranger things ) ภาคนี้กลายเป็นหนังสยองขวัญที่ตุ๊งแช่มากกว่าเดิม โหดกว่าเดิม กัดหัวขาดต่อหน้าต่อตา ผีแต่ละตัวเราว่าสวยมากกว่ามันอาร์ทประมาณ ผีในมังงะของ จุนจิ อิโต และภารกิจของแต่ละคนที่ต้องหาความทรงจำในอดีตมากกว่า

ส่วนตัวเราไม่ค่อยโอเคกับ jump scare ตุ๊งแช่ ที่ใส่มาถี่ขนาดนี้ มันไม่ทำงานกับเรา 555555 หลายฉากเราว่าทนที่จะน่ากลัวกลับไม่น่ากลัว ไม่รู้จะกลัวผีหรือกลัวว่าตัวละครจะเป็นบาดทะยัก โรคฉี่หนูดี 555555

หลายฉากเราว่ามันน่าจะกระชับกว่านี้ได้อีก (หนังนานไป รวมโฆษณาด้วยก็สามชั่วโมงกว่า) เอาจริงๆ ถ้าเข้าใจตีมหลักของหนังที่ตัวละครว่าแต่ละคนต้องคัมแบ๊กเพื่อหาอะไรบางอย่างของตัวเอง ก็อาจจะสนุกกว่านี้ก็ได้ พอดีนี่เข้าไปดูแบบเป็นไข้ ป่วยๆ ไอคอกแคกด้วย และไม่รู้ข้อมูลของภาคนี้มาก่อนเลยรู้สึกว่าเวิ่นไป กว่าจะมาสนุกอีกทีก็ไคลแมกซ์ตอนท้ายแล้ว พอดูจบกลับมานั่งนึกย้อนดูเอ่อ จริงๆ มันก็สนุกแหล่ะ เพียงแต่เราไม่รู้สี่รู้แปดเอง เลยมาบอกให้พวกหล่อนเตรียมตัวก่อนละกัน 5555

อย่างที่บอกอ่ะค่ะ เราชอบไคลแมกซ์ตอนท้ายสนุกมาก ไม่บอกว่าเพราะอะไร แต่เราดูแล้วนึกถึงหน้าคุณแม่ลีน่าจังขึ้นมาเลย #ในทางที่ดีนะคะ 5555

เอาจริงๆ ถือว่าเป็นการจบที่สมบูรณ์แบบของ It 2 นะ มีทั้งประเด็น coming of age การคิดถึงเพื่อนเก่า ความทรงจำเก่าๆ การก้าวข้ามผ่านความกลัว พลังแห่งความเชื่อ หลายครั้งที่เรื่องร้ายๆ มักจะติดอยู่ในความทรงจำของเรามากกว่าเรื่องดีๆ ยิ่งเป็นเรื่องที่เกิดจากความผิดพลาดของตัวเอง นั่นแสดงให้เห็นว่าเรายังมีความเป็นมนุษย์ ที่รู้สึกผิดและละอายต่อสิ่งที่เคยกระทำลงไป