Pet Sematary

เป็นหนังสยองขวัญจากนิยายของ สตีเฟ่น คิง เจ้าเก่ากันอีกแล้ว คนที่เขียนเรื่อง iT นั่นแหละ โดยคราวนี้หนังจะพาเราทุกคนไปบุกป่าช้ากัน แต่มันไม่ได้มีไว้ฝังศพคนตายทั่วไป แต่ไว้ฝังสัตว์เลี้ยงแสนรักที่ตายจาก.. ก็มีครอบครัวนึงที่ดันย้ายมาอยู่บ้านแถวนั้นพอดี แล้วก็พบกับเหตุการณ์ประหลาด หมา แมว ที่ตายแล้วในป่าช้ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง เหวอ-กันไปงานนี้ ไม่นานครอบครัวนี้ก็ปีชงมีอันเป็นไป ลูกสาวตายจากอุบัติเหตุ (ตัวอย่างบอกอยู่) ด้วยความที่คนพ่อทำใจไม่ได้ เลยตัดสินใจ ลองเอาศพลูกสาวไปที่ป่าช้านั่น ปลุกคืนชีพขึ้นมา ! และเมื่อทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย พวกเขาก็กลับต้องช็อคอีกครั้ง ! เมื่อพบว่าลูกสาวเริ่มมีอะไรประหลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนคนที่เคยรู้จัก แถมยังพาคาราวานหน้ากากหลอนส่งตรงถึงหน้าประตู ! “บางครั้ง ความตาย ก็ยังดีเสียกว่า…” เป็นหนังที่ดูแล้วไม่ได้หายใจเต็มปอดสักนาที คุมโทนเรื่องโคตรเก่ง คงบรรยากาศความหลอนกดดัน ไม่น่าไว้ใจได้ทั้งเรื่อง ตอนมีอะไรโผล่มาทีก็เล่นเอาอกสั่นขวัญหาย หลังเหยียดสุดเก้าอี้กันไปทั้งแถว เรื่องนี้ใช้นักแสดงไม่กี่คน แถมเล่นดีคุณภาพคับแก้ว พ่อแม่รีดอารมณ์เศร้าได้มีพลังมาก ลุงเพื่อนบ้านก็ดูลึกลับดี ยิ่งเห็นตอนที่ลูกสาวมันกลับมาในสภาพโกงความตาย แอดนี่ขนลุกซู่เลย น้องเล่นหักไปอีกบุคลิก แววตาคู่นั้นที่จ้องมองไม่เหลือความเป็นคนอีกต่อไป คิดถึงหน้าน้องแล้วหลอนจับจิตมาก หนังมีความสยองโหดเลือดสาด ละเลงความจิตไม่เกรงใจคนดู แถมแต่งแผลเหวอะหวะ โคตรเนียนที่สุดในสามโลก เลือดไหลทะลักชวนคลื่นไส้ แทงแล้วบิดไปมา […]

Polaroid

จริงๆ แล้วหนังพล็อตค่อนข้างน่าสนใจนะครับ ถึงแม้มันจะไปซ้ำทางหนังเรื่อง”ชัตเตอร์”ของไทยเรา แต่ถ้าเอามาปรุงดีๆ แล้วเติมอะไรนี่นิดหน่อย อาจจะได้รสชาติที่ไม่เลวเลยล่ะครับ จากที่ผมดูตัวอย่างมาก็โอเคอยากดูอยู่นะ แถมยังมี Madelaine Petsch (สาวฮ็อตจากซีรี่ส์ Riverdale)ร่วมเล่นด้วย . แต่ผลที่ได้มา หาความสนุกของหนังแทบไม่เจอเลยครับ เนื้อเรื่องก็ง่ายๆ เลยครับ มีกล้องโดนค้นพบ แล้วก็ลองเอามาถ่ายดู พอถ่ายแล้วคนที่โดนถ่ายก็จะเดี้ยงไปทีละคน และไอ้พวกที่เหลืออยู่จะต้องหาทางไขปริศนา(ทึ่ตัวเองดันโง่ไปพัวพันด้วย)ก่อนที่จะเดี้ยงตามเพื่อนไป หนังกำกับโดย Lars Klevberg ที่กำกับ Child’s Play ภาครีบู้ตที่จะเข้าเดือนหน้าด้วย ผลที่ออกมาสำหรับเรื่องนี้ผมว่าสอบตกแบบทันทีเลยครับ ทั้งๆ ที่พล็อตสามารถเล่นอะไรได้มากกว่านี้ แต่หนังดันทำออกมาได้ธรรมดาเสียเหลือเกิน(จะออกไปทางห่วยเสียด้วยซ้ำ) พล็อตที่มันสูตรอย่างไงมันก็สูตรอย่างงั้นเลยครับ และมีทุกอย่างที่หนังผีตลาดจะมี มีตัวละครขี้ยิ้ม มีผีที่หลอกแบบไร้เหตุผล มีตำรวจที่โง่ดักดานจนงงว่ามันสอบตำรวจผ่านได้ยังไงวะ! และมีเสียง Sound Effect ที่ดังสนั่นโรง ไอ้ที่ว่ามา หนังเรื่อง Annabelle: Creations มีหมดครับ แต่ว่าเรื่องนั้นใช้แบบมีประสิทธิผลต่อคนดูมากกว่าเรื่องนี้ประมาณกรุงเทพกับเชียงใหม่ ตัวละครในเรื่องนี่คือตั้งใจทำมาให้คนดูด่าเล่นจริงๆ ครับ ทำทุกอย่างที่คนปกติจะไม่ทำกัน เช่น ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ ในบ้าน ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ […]

Child’s Play

จริงๆผมก็แฟนตัวยงของชัคกี้ พอได้ยินว่าเขานำมารีบูทใหม่ ก็รู้สึกไม่อยากให้ทำ เพราะแอบเสียดายความสนุกเก่าๆ แต่ลึกๆก็แอบดีใจ เพราะภาคหลังๆมาเนี่ยรู้สึก ชัคกี้เนื้อหามันจะกาว แถมออกทะเลไปไกลโข.. พูดถึงความรู้สึกหลังดู.. ค่อนข้างออกไปทางชอบ!! สิ่งแรกเลยที่คิดไม่ถึงสำหรับการไปดูหนังเชือด ของ Child’s Play ฉบับนี้คือ การได้เห็นโมเม้นท์อะไรๆน่ารักๆของน้องชัค ดูไปแล้วอมยิ้ม กับความแบ๊วของน้อง อยากได้ไปเลี้ยงสักตัว ถึงหน้าตามันไม่น่าเลี้ยงก็เถอะ ออกมาจากโรงเพลงยังติดหูผมอยู่เลย..และคงจะหลอนไปอีกนาน หนังดำเนินเรื่องคล้ายๆChild’s Play ต้นฉบับ ย้ำไม่ได้เหมือนซะทีเดียว ผมว่าสนุกกว่าต้นฉบับภาคแรกด้วยซ้ำ หนังมีการดัดแปลงตัวละครตุ๊กตาชัคกี้ให้เข้ากับสมัยใหม่ ในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี แน่ล่ะ สิ่งนึงที่หนังเรื่องนี้พยามสื่อให้เห็นคือ ความสะดวกสบายของการมีเทคโนโลยีเข้ามาใช้ของมนุษย์ มักแลกมาด้วยความอันตรายที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน แบบสกายเน็ตใน Terminator หนังมีฉากฆ่าที่ระทึก สนุกและสะใจคอหนังโหดๆ แถมเต็มไปด้วยความตลกโปกฮา ขำหนักมาก โคตรจี้ไม่รู้ไปเส้นตื้นเมื่อไหร่ แม้แต่ฉากที่สยอง ก็ยังอุตส่าห์เรียกเสียงหัวเราะได้ บางที ข้อเสียคือ..รู้สึกว่าฉากฆ่ามันน้อยไปนะ น้อยสำหรับผม แต่มากสำหรับคนอื่น 5555 น้องผู้หญิงนักเรียนข้างๆ กรี้ดแหกปากทุกนาทีที่มีฉากฆ่า แต่สำหรับผม ยังไม่เต็มอิ่ม อุตส่าห์จั่วอีสเตอร์เอ้กหนังเลื่อยไล่ฆ่ายุค 80 ที่มีฉากฆ่าเมามันส์บ้าๆทั้งที จัดเต็มที่แบบที่จั่วเลยดิ ทุกฉากฆ่าในเรื่อง […]

Annabelle Comes Home

หลอนมากกกก หลอน(เรือหาย) ชอบที่หนังเล่นบรรยากาศได้ดีครับ ดีมากๆเลย มันไม่น่าไว้วางใจไปหมดเลย มุมกล้องเอย บรรยากาศเอย ซาวน์แทรคเอย เอาขนาดตอนเช้ามีแสงสว่างยังทำให้หลอนให้ดุ้งกันได้ครับ!!! เจอภาคนี้เข้าไปเล่นเอาซะเทคนิค Sight And Sound ของ David F. Sandburg ที่ทำไว้กับ Annabelle: Creations ดูง่อยไปเลยยย!!! และการบิ้วคนดูก่อนหลอกก็ดีครับสับขาหลอกคนดูไปคนดูมาว่าจะหลอกดีไหมหรือไม่หลอกบอกเลยว่า ผมตายยยยยยยย (สาวแตกในโรง ฮ่าๆๆๆ) ส่วนนักแสดงก็เล่นดีนะๆ แต่…การเล่าเรื่องหรือบทของภาคนี้รู้สึกยังธรรมดาไปครับ ไม่มีพล็อตทวิส หรืออะไรที่ทำให้คนดูอึ้งได้มากเลย (คือบทอ่อนมาก) การเล่าเรื่องเหมือน The curse of lallorona ครับ เหมือนเราเล่นบ้านผีสิงอะไรประมาณนั้นไม่ค่อยเล่าเรื่องอะไรมาก ตุ้งแช่ๆ อย่างเดียว โชว์ที่ทำให้อึ้งๆได้มากที่สุดก็คงเป็นพลังของน้องแอนนาเบล บททุกอย่างถือว่าค่อนข้างธรรมดามาก ใครที่จะมาเสพเรื่องสตอรี่นะบอกเลยว่าไม่ตอบโจทก์อย่างแรง หนังแอบมีดราม่านิดหน่อยซึ่งก็ไม่อินเหมือนกันเพราะหนังแตะแค่พื้นๆเอง และตัวละครบางตัวยังแบนราบอยู่ แต่ก็เชียร์ให้ไปดูกันนะครับ ก่อนไปดูแนะนำว่าให้เคลียร์ความหวังออกให้หมดก่อนหนังเรื่องนี้ไม่ได้บทแข็งแรงเหมือนพวก Conjuring นะ คิดว่าไปเสพแค่ Jumpscare ดูตุ้งแช่สนุกๆพอครับแล้วคุณจะสามารถเอนจอยไปกับหนังได้อย่างมีความสุข

It: Chapter Two

เรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ภาคแรก กลุ่มเพื่อนแก๊งลูซเซอร์กรีดเลือดสาบานไว้ว่า 27 ปีต่อมาพวกเราจะกลับมาเพื่อกำจัดมัน แต่เมื่อเติบโตแยกย้ายกันไปทำงาน กลับลืมเรื่องราวทั้งหมด จนกระทั่ง 27 ปีต่อมา เพนนีไวซ์ ปีศาจตัวตลกได้กลับมาอีกครั้ง กลุ่มเพื่อนแก๊งลูซเซอร์จึงต้องคัมแบ๊ก เพื่อรวบรวมความทรงจำในอดีตของตัวเองมาจัดการ เพนนีไวซ์ หนังต่อเนื่องจากภาคที่แล้วทันที ตัวละครเยอะมาก ควรกลับไปดูภาคแรกอีกครั้ง หรือจำให้ได้ว่าใครเป็นใครก่อนมาดู ภาคนี้จะคนละ mood and tone จากภาคแรก (ภาคแรกจะมีความเป็นสตีเว่น สปีลเบิร์ก , stranger things ) ภาคนี้กลายเป็นหนังสยองขวัญที่ตุ๊งแช่มากกว่าเดิม โหดกว่าเดิม กัดหัวขาดต่อหน้าต่อตา ผีแต่ละตัวเราว่าสวยมากกว่ามันอาร์ทประมาณ ผีในมังงะของ จุนจิ อิโต และภารกิจของแต่ละคนที่ต้องหาความทรงจำในอดีตมากกว่า ส่วนตัวเราไม่ค่อยโอเคกับ jump scare ตุ๊งแช่ ที่ใส่มาถี่ขนาดนี้ มันไม่ทำงานกับเรา 555555 หลายฉากเราว่าทนที่จะน่ากลัวกลับไม่น่ากลัว ไม่รู้จะกลัวผีหรือกลัวว่าตัวละครจะเป็นบาดทะยัก โรคฉี่หนูดี 555555 หลายฉากเราว่ามันน่าจะกระชับกว่านี้ได้อีก (หนังนานไป รวมโฆษณาด้วยก็สามชั่วโมงกว่า) เอาจริงๆ ถ้าเข้าใจตีมหลักของหนังที่ตัวละครว่าแต่ละคนต้องคัมแบ๊กเพื่อหาอะไรบางอย่างของตัวเอง ก็อาจจะสนุกกว่านี้ก็ได้ พอดีนี่เข้าไปดูแบบเป็นไข้ […]